วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ตั๋วใบเดียว เที่ยวได้ทั่วยุโรป (Just one Pass, you are free to go)

พวกเราออกจากปารีสเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในเช้าตรู่ของวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๔ โดยก่อนหน้าที่เราจะออกจาก Paris Clichy Youth Hostel บรรยากาศช่างเหมือนกับวันที่เรากำลังจะออกเดินทางจากลอนดอนคือมีฝนตกโปรยปรายลงมา ทำให้พวกเราตัดสินใจที่จะเรียกรถแท๊กซี่จาก Youth Hostel เพื่อมารอขึ้นรถไฟที่สถานี Paris Est Train Station หรือที่รู้จักกันตามภาษาฝรั่งเศสคือ Gare de l'Est ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Gare du Nord ที่พวกเรามาถึงในวันแรกสักเท่าไหร่

ที่ปารีสมีสถานีรถไฟใหญ่อยู่ทั้งหมด ๖ สถานี คือ สถานี Gare du Nord หรือสถานีรถไฟสายเหนือของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเส้นทางเดินรถไปเมืองต่างๆ ทางเหนือของฝรั่งเศส และถ้าเป็นรถไฟข้ามประเทศก็จะเป็นการเดินรถระหว่างฝรั่งเศสกับประเทศสหราชอาณาจักร เบลเยี่ยม เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

สถานี Gare de l'Est หรือสถานีรถไฟสายตะวันออก เป็นเส้นทางเดินรถไปเมืองต่างๆ ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส รวมไปถึงเป็นเส้นทางเดินรถระหว่างฝรั่งเศสและประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก รวมทั้งเมืองทางตอนใต้ของเยอรมนี

สถานี Gare Montparnasse เป็นสถานีเดินรถไปเมืองต่างๆ ในทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เช่น Rennes (เมืองที่พวกเราแวะไปต่อรถโดยสารเพื่อไปเที่ยวมงต์แซ็งมิเชล)

สถานี Gare de Lyon หรือสถานีเดินรถไฟไปเมืองทางใต้ของฝรั่งเศส โดยชื่อ Lyon นั้นนำมาจากชื่อเมือง Lyon ที่ตั้งอยู่ทางภาคกลางค่อนไปทางตะวันออกของฝรั่งเศส เมืองนี้มีทิวทัศน์และภูมิสถาปัตย์ที่สวยงามมาก โดยเมือง Lyon อยู่ห่างจากเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพียง ๑๖๐ กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งมีระยะทางที่ใกล้กว่าระยะทางระหว่างปารีสและ Lyonที่มีระยะทางห่างกันถึง ๔๗๐ กิโลเมตร

สถานี Gare Saint-Lazare เป็นสถานีเดินรถไฟชานเมืองทางตะวันตกของปารีส และเป็นเส้นทางเดินรถไฟไปนอร์มังดีด้วย

สถานี Gare d'Austerlitz เป็นสถานีสำหรับการเดินรถไฟระหว่างปารีสและเมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) เมืองท่าสำคัญที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส และนอกจากนี้สถานีรถไฟแห่งนี้ยังเป็นสถานีต้นทางและปลายทางของรถไฟด่วนกลางคืนขบวน Elipsos Train Hotelที่ให้บริการเสมือนหนึ่งเป็นโรงแรม ที่วิ่งระหว่าง Gare d'Austerlitz และมาดริด และบาร์เซโลนา ของประเทศสเปน ดังนั้นผู้โดยสารที่จะเดินทางออกจากปารีสไปเมืองต่างๆ ด้วยรถไฟจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสถานีต้นทางคือที่ใดกันแน่ มิฉะนั้นจะเสียเวลาและที่แย่ไปกว่านั้นก็อาจจะพลาดขบวนรถไฟก็เป็นได้

โชเฟอร์แท๊กซี่ชาวปารีเซียงขับรถพาเราชมเมืองปารีสตอนเช้าตรู่อยู่นานพอสมควรจนมิเตอร์ขึ้นราคาจนพี่โชเฟอร์พอใจ (คิดว่าเราไม่รู้เหรอว่าขับอ้อมไปอ้อมมา) ก็มาส่งพวกเราที่หน้าประตูทางเข้าสถานี Gare de l'Est โดยสวัสดิภาพ สิ่งที่เราต้องทำก่อนสิ่งอื่นใดเมื่อเข้าไปถึงสถานีคือการตรวจสอบหมายเลขชานชาลาของขบวนรถไฟที่เราจะเดินทาง เพราะสถานีรถไฟตามเมืองใหญ่ๆ ของยุโรปกว้างขวางมาก บางที่ชานชาลาก็มีหลายชั้นดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ประมาทเราจะต้องตรวจสอบหมายเลขชานชาลาของขบวนรถที่เราจะโดยสารให้แน่นอน และเตรียมเผื่อเวลาในการเดินไปรอรถที่ชานชาลานั้นๆ โดยผู้โดยสารสามารถตรวจสอบได้จากป้ายบอกเวลาของขบวนรถไฟขาออก (Departure Board) หรือเจ้าหน้าที่ให้บริการผู้โดยสารที่ประจำอยู่เคาน์เตอร์



ในวันนี้กลุ่มของเรามีกำหนดเดินทางออกจากปารีสโดยมีจุดหมายปลายทางที่เมือง เซอร์แมทท์ (Zermatt) เมืองแห่งยอดเขาแมทเทอฮอร์น ยอดเขาที่โด่งดังและสวยที่สุดในเทือกเขาแอลป์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก่อนที่เราจะเดินทางไปถึงตรงนั้นได้เราจะต้องมีตั๋วโดยสารเสียก่อน เมื่อสองสามตอนก่อนหน้านี้ผู้เขียนเคยเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าตั๋วโดยสารตลอดการเดินทางในยุโรปซึ่งตั้งต้นจากปารีสตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเราใช้ตั๋วที่เรียกว่า"ยูเรลพาส (Eurail Pass)” ยูเรลพาสคืออะไรและมีวิธีการใช้อย่างไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักตั๋วชนิดนี้กัน เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่มีแผนการเดินทางไปเที่ยวยุโรป



ยูเรลพาส เป็นผลิตภัณฑ์ตั๋วโดยสารการเดินทางด้วยรถไฟของประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป (บางกรณียูเรลพาสสามารถใช้ได้กับการเดินทางโดยเรือโดยสารได้ด้วย ซึ่งจะกำหนดไว้ในเงื่อนไขของการใช้ตั๋ว) ทั้งนี้ผู้ที่มีสิทธิใช้ยูเรลพาสต้องเป็นผู้มีสัญชาติอื่นนอกประชาคมยุโรปเท่านั้น ทั้งนี้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ยูเรลพาสได้แก่ "Eurail Group” ที่เป็นการรวมตัวขององค์กรตัวแทนของผู้ดำเนินกิจการรถไฟในทวีปยุโรปสามสิบองค์กร

ประเภทของ "ยูเรลพาส" มี ๔ ประเภท คือ Eurail Global Pass ที่สามารถใช้เป็นตั๋วรถไฟเดินทางไปได้ทั่วยุโรปใน ๒๒ ประเทศ (ยกเว้นสหราชอาณาจักร ที่ประกอบด้วยอังกฤษ เวลส์ และสก็อตแลนด์ ที่ไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกใน Eurail ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่สามารถใช้ Eurail Pass เป็นตั๋วเดินทางออกจากประเทศอังกฤษได้)

Eurail Select Pass ใช้เป็นตั๋วรถไฟเดินทางได้ในสามประเทศ สี่ประเทศ และห้าประเทศ โดยมีเงื่อนไขว่าประเทศเหล่านั้นต้องมีอาณาเขตติดต่อกันเป็นลำดับ เช่น ถ้าเลือกซื้อ Eurail Select Pass สำหรับสามประเทศโดยเริ่มต้นเดินทางจากฝรั่งเศสและเดินทางต่อไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์และเดินทางต่อไปยังประเทศออสเตรียซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับสวิตเซอร์แลนด์ โดยผู้ถือตั๋ว Eurail Select Pass จะเดินทางเข้าออกภายในสามประเทศที่ว่านั้นกี่ครั้งก็ได้ตามจำนวนวันที่ระบุไว้หน้าตั๋ว กรณีนี้ถือว่าถูกต้องตามเงื่อนไขของตั๋ว

Eurail Regional Pass ใช้เป็นตั๋วโดยสารสำหรับการใช้รถไฟในสองประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกัน

และ Eurail National Pass สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเดียว (ตั๋วชนิดนี้ของ Eurail ผู้เขียนคิดว่าไม่ค่อยเป็นที่นิยมของผู้โดยสารส่วนมาก ที่เห็นผู้โดยสารมักไปซื้อ Pass ของประเทศนั้นๆ มากกว่า เพราะจะได้รับส่วนลดสำหรับการใช้บริการประเภทอื่นๆ มากมาย เช่น Swiss Pass หากต้องการท่องเที่ยวเฉพาะในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น)

นอกจากนี้ Eurail Pass แต่ละประเภทก็จำแนกแยกย่อยราคาค่าตั๋วออกเป็นอีกหลายอย่าง ได้แก่ ตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยวรุ่นเยาว์อายุตั้งแต่ ๑๒ ถึง ๒๕ ปี หรือตั๋วสำหรับการเดินทางเป็นกลุ่มตั้งแต่ ๒ คน ขึ้นไปก็จะเรียกว่าเป็นประเภท Saver คือลดราคาลงมาจากค่าตั๋วปกติ ตั๋วประเภทที่มีวันเดินทางแบบต่อเนื่องกันที่เรียกว่า “Consecutive” หรือตั๋วที่มีวันการเดินทางที่ไม่ต่อเนื่อง ที่เขาใช้คำว่า "Flexi” ราคาค่าตั๋วก็จะต่างกันอีก

รายละเอียดต่างๆ ผู้ที่สนใจจริงๆ เพราะมีแผนที่จะเดินทางไปยุโรป สามารถศึกษาข้อมูลได้จากหลายเว็บไซต์ เช่น raileurope eurail และ seat61 ตามข้างล่าง

www.raileurope.com/index.html

www.eurailgroup.com/Rail%20Passes/Where%20to%20buy%20Eurail%20Passes.aspx

www.seat61.com

ที่นี้ก็จะเล่าถึงกรณีของกลุ่มเราว่าซื้อตั๋วแบบไหน ซื้อที่ไหน และใช้อย่างไร ก่อนอื่นเลยผู้เขียนต้องจัดทกำหนดการโดยคร่าวๆ ว่าจะมีวันไหนบ้างที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟ และการเดินทางของแต่ละวันใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ ซึ่งเราสามารถหาข้อมูลในรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ของ raileurope แค่เราใส่ชื่อสถานีต้นทางและสถานีปลายทางในช่อง search ข้อมูลการเดินทางของรถไฟตามเส้นทางที่เราค้นหาก็จะปรากฏออกมาเพื่อเป็นข้อมูลให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
www.raileurope.com/us/rail/point_to_point/triprequest.htm


ในส่วนการเดินทางของพวกเราได้ข้อสรุปว่าจะมีการเดินทางโดยรถไฟจำนวนทั้งสิ้น ๕ วัน โดยเป็นการเดินทางแบบไม่ต่อเนื่องหรือ Flexi ดังนั้นตั๋ว Eurail Pass ที่เหมาะสมกับกลุ่มเราก็คือ Eurail Pass Saver Flexi แบบ ๕ ประเทศ (ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย สาธารณรัฐเชค และฮังการี)



ทีนี้มาถึงขั้นตอนการซื้อตั๋วว่าเราจะซื้อที่ไหน Eurail เขาเปิดเว็บไซต์ให้ลูกค้าสามารถซื้อผ่านเน็ตโดยจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตได้ที่เว็บไซต์ของ Eurail และเว็บไซต์ของsales agencies ซึ่งในส่วนของลูกค้าในประเทศไทยถ้าจะซื้อผ่านเน็ตต้องซื้อผ่านเว็บไซต์ของ raileurope และเนื่องจากการออกตั๋ว Eurail เขาไม่ได้ออกเป็น e-ticket ดังนั้นลูกค้าจึงไม่สามารถ print ตั๋วผ่าน e-mail address เหมือนกับตั๋วแบบอื่นได้ Eurail เขาจะส่งตั๋วให้ถึงประตูบ้านลูกค้าเลยเพียงแต่ว่านอกเหนือจากราคาค่าตั๋วแล้ว ลูกค้าจะต้องเสียค่าจัดส่ง Pass ผ่านไปรษณีย์ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นไปอีก อีกอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่าไม่ค่อยสะดวกในการซื้อแบบนี้คือเราไม่ค่อยมั่นใจว่า Pass จะส่งมาถึงเราได้ทันตามกำหนดการเดินทางหรือเปล่า จะมีเหตุขัดข้องระหว่างการจัดส่งหรือไม่ ดังนั้น Eurail เลยเปิดช่องทางอื่นให้ลูกค้าได้ซื้อ Pass ในประเทศของตัวเองได้เหมือนกัน

เราสามารถซื้อ Eurail Pass ในประเทศไทยผ่านทางบริษัทที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวและจำหน่ายตั๋วเดินทางประเภทต่างๆ ได้ เท่าที่ทราบรู้สึกว่ามีบริษัทท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในไทยแค่สองบริษัทที่ Eurail เขาอนุญาตให้เป็นผู้แทนจำหน่ายตั๋ว Eurail Pass โดยผู้เขียนสอบถามรายละเอียดต่างๆ จากทั้งสองบริษัทแล้ว ก็เลยเลือกที่จะซื้อจาก "กัลลิเวอร์ส แทรเวล แอสโซซิเอทส์ (ประเทศไทย)” โดยแผนกขายตั๋ว Eurail Pass อยู่ที่ตึกลุมพินีทาวเวอร์ ถนนพระรามสี่ เหตุผลคือ นอกเหนือจากราคาค่าตั๋วที่เราต้องจ่ายแล้ว เขายังคิดค่าใช้จ่ายในการออกตั๋วด้วย โดย กัลลิเวอร์ส แทรเวล คิดค่าออกตั๋วที่ถูกกว่า คือใบละ ๘๐๐ บาท ขณะที่อีกบริษัท (ไม่ขอเอ่ยชื่อแต่ไปหาดูก็ทราบได้เอง) คิดค่าออกตั๋วเป็นคนละ ๘๐๐ บาท มาถึงตรงนี้อาจจะงงว่าแตกต่างกันอย่างไร ระหว่าง "ใบละ" กับ "คนละ"

ตั๋วประเภท saver ที่เป็นตั๋วการเดินทางแบบกลุ่ม เขากำหนดให้ในตั๋วแต่ละใบระบุชื่อผู้เดินทางได้ตั้งแต่ ๒ ถึง ๕ คน ดังนั้นเราจึงต้องออกตั๋ว Eurail จำนวนสองใบ ซึ่งในแต่ละใบระบุชื่อผู้โดยสาร ๔ คน รวมสองใบก็จะครบจำนวนผู้เดินทางแปดคนพอดี ที่นี้ผู้อ่านคงจะเห็นความแตกต่างของลักษณะนามระหว่าง "ใบละ" และ "คนละ" แล้ว ถ้าซื้อผ่านกัลลิเวอร์ส แทรเวล แอสโซซิเอทส์ (ประเทศไทย) พวกเราก็มีค่าใช้จ่ายออกตั๋วคนละ ๒๐๐ บาท ถ้าซื้ออีกบริษัทก็ต้องเสียคนละ ๘๐๐ บาท (เป็นนโยบายของแต่ละบริษัทในช่วงต้นปี ๒๕๕๔ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตหรือไม่) และที่ทั้งสองบริษัทมีความแตกต่างกันอีกอย่างคือ กัลลิเวอร์ส แทรเวล เขาจะรับเงินเป็นเงินยูโรเท่านั้น ในขณะที่อีกบริษัทเขาจะรับเป็นเงินไทยที่คิดอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่เราไปซื้อ โดยเฉพาะกรณีของกลุ่มเราราคาค่าตั๋วเป็นเงินคนละ ๓๕๑ ยูโร

สำหรับวิธีใช้ตั๋ว Eurail Pass นั้น เริ่มแรกผู้โดยสารต้องนำตั๋วไปขอเปิดใช้ก่อน หรือที่เรียกว่าการ Validate ตั๋ว โดยสามารถขอเปิดใช้ได้ที่เจ้าหน้าที่แผนก international ticket ตามสถานีรถไฟได้ทุกแห่ง



โดยเจ้าหน้าที่เขาจะขอดูหนังสือเดินทางของผู้โดยสารทุกคนที่มีชื่ออยู่ในตั๋ว และจะประทับตราที่ช่องสี่เหลี่ยมด้านขวา รวมทั้งกรอกวัน เดือน ปีที่เปิดใช้ตั๋ววันแรกในช่องบนด้านซ้าย (ก็คือวันที่เราให้เขา validate นั่นแหละ) และวันสุดท้ายที่เราสามารถใช้ตั๋วได้ในช่องล่างด้ายซ้าย ซึ่งในกรณีของพวกเราสามารถใช้ตั๋วได้ภายในสองเดือน





ทีนี้เราก็สามารถใช้ตั๋วขึ้นรถไฟชั้นหนึ่งได้ไม่จำกัดรอบและขบวนของในแต่ละวันตามอายุตั๋วและจำนวนวันที่เราซื้อ เช่น ๕ วัน ๖ วัน หรือ ๑๕ วัน (โดยมีเงื่อนไขว่ารถไฟด่วนบางประเภท หรือรถไฟประเภท night train อาจจะเสียค่าใช้จ่ายเพื่อสำรองที่นั่งหรือตู้นอนเพิ่มเติมซึ่งไม่แพงเลย ตั้งแต่คนละ ๓.๕ ยูโร ถึง ๒๕ ยูโร ขึ้นอยู่กับประเภทของชั้นที่นั่งและประเภทของรถไฟ)

อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญและผู้โดยสารที่ถือตั๋ว Eurail Pass จะลืมไม่ได้คือ การกรอกวันที่ที่เราจะใช้ตั๋วในช่องที่เขาแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซ้ายมือระบุวันและเดือนถัดลงมาข้างล่างจากช่องการเปิดใช้ตั๋วที่กรอกโดยเจ้าหน้าที่ ถ้าซื้อแบบ ๕ วัน ก็จะมีช่องให้กรอก ๕ ช่อง เป็นต้น รวมทั้งต้องระบุรายละเอียดของขบวนรถไฟที่เราจะโดยสารด้วย คือ วัน เวลา หมายเลขขบวนรถไฟ และจากเมืองไหนไปไหน ถ้าไม่เช่นนั้น ถ้าขึ้นรถไฟไปแล้ว และมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วและผู้โดยสารยังไม่กรอกข้อมูลที่ว่า ท่านอาจจะต้องเสียค่าปรับซึ่งจะแพงมาก ทั้งนี้ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับ Eurail Pass และต้องการข้อมูลที่มีรายละอียดปลีกย่อยอีกมากมาย อาจศึกษาได้จากเว็บไซต์ที่ให้ไปหรือจะฝากคำถามไว้กับผู้เขียนได้ในช่อง comment ท้ายบทความนี้



และคราวนี้กลุ่มของเราก็พร้อมแล้วที่จะเดินทางต่อไปยังสวิตเซอร์แลนด์ โดยใช้ตั๋ว Eurail Pass ในวันแรกคือวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๔ รถไฟขบวนแรกที่เราจะนั่งคือรถไฟ TGV ขบวนที่ ๙๕๗๑ จากปารีสถึงเมือง Strasbourg โดยจะออกจากปารีสเวลา ๐๗.๒๔ น.

แต่ก่อนที่เราจะออกจากปารีส คนอย่างเราๆ ก็แพ้ทางตู้ขายของอัตโนมัติส่งท้ายอีกจนได้ หวังว่าผู้อ่านคงจำได้ว่าในเรื่องเล่าตอนแรกๆ ที่ลอนดอน พวกเราเคยแพ้ทางตู้ขายซิมโทรศัพท์อัตโนมัติที่สนามบินฮีทโธรว์มาแล้ว ที่นี่ก็อีกแล้วที่พี่จุ๋มเขาจะซื้อน้ำเปล่าจากเครื่องขายน้ำอัตโนมัติ ทีนี้พอหยอดเหรียญจำนวนตามราคาน้ำแล้ว ก็นึกว่าเหล็กที่กั้นมันจะเปิดและก็ปล่อยขวดน้ำให้กลิ้งตกลงมาข้างล่างตามช่องรับสินค้าเหมือนปกติทั่วไป ที่ไหนได้สงสัยผิดคิวหรือมันจะทำงานฝืด เหล็กนั่นมันเปิดแบบไม่สุด ทำให้ขวดน้ำค้างอยู่ตรงกลางช่องไม่ยอมตกลงมาที่ช่องรับสินค้า งานนี้พี่จุ๋มบ่นอุบเลย นอกจากจะหิวน้ำแล้วยังเสียเงินฟรีอีกด้วย แต่ยังไงก็ตามยังมีอีกคนที่เห็นคุณค่าของตู้ขายของอัตโนมัตินี้อยู่บ้างนั่นก็คือพี่อ้อยที่เห็นชอบวนเวียนซื้อกาแฟจากตู้ขายอัตโนมัติที่ hostel อยู่เรื่อยๆ แถมชมว่ากาแฟจากตู้อัตโนมัติรสชาติเยี่ยมไม่แพ้การชงของบาริสต้ามืออาชีพเลย :)


Photos credit to http://www.flickr.com/photos/geographyalltheway_photos/5201126792/sizes/m/in/photostream/

video credit to www.youtube.com by EurailGroup, EurailCom

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

BKK flooding 2011




Finally, my hometown and World's best city, Bangkok, is now submerged. I wanna give my fellow Bangkokians all the praise for their toleration of “P.M.”. The mentioned definitely does not refer to the Prime Minister at all, we have “so-called” that person, though. (*sigh*)

All the shame, guilt, and blame put down for "P.M or Poor Management".






Photos credit to http://atcloud.com/stories/39392
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sitcom&month=27-10-2011&group=54&gblog=177
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000136941
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Bangkok_City_Montage.png by khemkhaeng via Montage from existing wikicommons files.