บ้านเมืองเราจะว่าไปโชคดีมากมายนักที่ไม่มีภัยธรรมชาติแบบนั้น ที่จะพบบ่อยก็เป็นประเภทน้ำท่วม โคลนถล่ม ถึงจะมีที่รุนแรงที่เกิดขึ้นไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมาคือสึนามิที่ภาคใต้ แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นได้น้อยมาก เรียกว่าครั้งหนึ่งในช่วงพระจันทร์มีสีฟ้า ที่แปลตรงตัวตามสำนวนอังกฤษที่ว่า "once in a blue moon" :) เพราะเหตุนั้นทำให้เราคนไทย รวมทั้งภาครัฐไม่ตระหนักที่จะเรียนรู้และเตรียมตัวให้พร้อมกับการมาของภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับอานุภาพทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้
ดังนั้นผู้เขียนคิดว่าสำหรับคนไทยอย่างเราๆ ที่ิคิดจะไปอยู่เมืองนอกไม่ว่าจะไปศึกษาต่อ หรือทำงานก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และสภาพสังคมของประเทศที่เราจะไปอยู่ ต้องศึกษาสภาพการใช้ชีวิตของคนในประเทศของเขา และก็ปฏิบัติให้เหมือนเขาอย่างที่ภาษาอังกฤษเขามีสำนวนที่ว่่า "When in Rome,do as the Romans do" เราจะได้อาศัยอยู่ได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขตามอัตภาพ
video credit to youtube by pplk23, ferris2583, rolls283
Long Live Her Majesty. And happy on Mother Day for All
She used to be my only enemy and never let me be free Catching me in places that I knew I shouldn't be Every other day I crossed the line I didn't mean to be so bad I never thought you would become the friend I never had Back then I didn't know why Why you were misunderstood So now I see through your eyes All that you did was love Mama I love you.Mama I care Mama I love you . Mama my friend. You're my friend I didn't want to hear it then but I'm not ashamed to say it now Every little thing you said and did was right for me I had a lot of to think about,about the way I used to be Never had a sense of my responsibility Back then I didn't know why Why you were misunderstood So now I see through your eyes, all that you did was love Mama, I love you. Mama, I care Mama, I love you. Mama ,my friend. You're my friend But now I'm sure I know why, Why you were misunderstood So now I see through your eyes All I can give you is love is love Mama I love you. Mama, I care Mama, I love you. Mama, my friend,You're my friend Mama, I love you, Mama ,I care Mama, I love you, Mama, my friend, You're my friend
video credit to youtube by MelCforever1 "Mama" lyrics credit to http://www.lyrics007.com/Spice%20Girls%20Lyrics/Mama%20Lyrics.html
ชีวิตหนึ่งวันของน้องแดเนียลใน Georgian College Barrie Campus ในคลิปวีดีโอข้างบน ก็คล้ายๆ กับชีวิตในหนึ่งวันใน Georgian College ของผู้เขียนเหมือนกัน เพียงแต่น้องแดเนียลนั่นคงจะเรียนระดับ diploma แต่ของผู้เขียนเรียน post grad. ในคลิปจะเห็นสภาพโดยทั่วๆ ไปของ Georgian College ตั้งแต่ในหอพักนักเรียนหรือที่เรียกว่า "residence" หรือสนามหญ้าระหว่างตึกเรียนกับผับที่นักเรียนชอบมานั่งสังสรรค์กันหลังเลิกเรียน เขาก็เลยตั้งชื่อผับว่า "the Last Class"
สถานที่โปรดใน Georgian College ของผู้เขียนตอนไม่มีชั่วโมงเรียนก็มีไม่กี่ที่ นอกเหนือจากการสั่ง timbits รสชาติอร่อยๆ กับกาแฟสักถ้วยจากคีออส (kiosk) ของ Tim Hortons มานั่งกินมุมสงบในคาเฟทีเรียแล้ว ก็ยังชอบใช้เวลานานๆ ในห้องคอมพิวเตอร์เพื่อทำการบ้านบ้างหรือไม่ก็จะท่องอินเตอร์เน็ต คอยเช็คข่าวทางบ้าน
ผู้เขียนรู้สึกโชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ประจำแผนก peer service ท่านหนึ่งให้ความสนใจความเป็นอยู่ของผู้เขียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัย การใช้ชีวิตกับ host family เรื่องชีวิตในห้องเรียน หรือเรื่องความสัมพันธ์กับอาจารย์และเพื่อนในชั้นเรียน ผู้เขียนรู้สึกว่า College เขาคัดเลือกคนมาำทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ เพราะนอกจากการวางตัวและการใช้คำพูดที่ทำให้นักศึกษารู้สึกเป็นกันเองแล้ว ผู้เขียนคิดว่าภาษาและจังหวะการพูด แนนซี่ เบลน ใช้ได้อย่างเหมาะสม พูดช้า ชัดถ้อยชัดคำ เพราะเธอเข้าใจธรรมชาติของนักเรียนต่างชาติดีว่ามีข้อจำกัดเรื่องของภาษาอังกฤษ ถึงวันนี้แนนซี่ เบลน ก็ยังคงทำหน้าที่ของเธอในฐานะที่ปรึกษาแก่นักเรียนต่างชาติที่ Georgian College
Georgian College มีฐานะเป็น community college ซึ่งมีวิทยาเขตหรือ campus ในหลายๆ เมือง แต่ที่ Barrie จะเป็นวิทยาเขตหลัก โดยหลักสูตรการศึกษาจะเน้นให้นักศึกษามีทักษะเพื่อไปประกอบอาชีพได้ ดังนั้น College จึงเน้นให้มีการฝึกภาคปฏิบัติของนักศึกษา หลักสูตรที่นี่สำหรับระดับ diploma เรียกว่า co-op program ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักศึกษาไปฝึกงานตามสถานประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่จะได้ทำงานและมีรายได้ในระหว่างเรียน เพราะประเทศแคนาดาไม่อนุญาตให้ผู้มีวีซ่านักเรียนทำงานในระหว่างเรียน ยกเว้นว่านักศึกษาผู้นั้นจะเรียนในสถานศึกษาที่มีหลักสูตร co-op และสถานศึกษานั้นๆ ได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลแล้ว
ในกรณีของผู้เขียนถึงแม้ว่าจะเป็นระดับ post grad.แต่หลักสูตรก็บังคับให้ต้องฝึกงานเช่นเดียวกัน หลักสูตรทีูู่้ผู้เขียนเรียนมีชื่อว่า "RAP" หรือ Research Analysis Program ผู้เขียนเลือกที่จะฝึกงานใน campus มากกว่าจะเลือกไปฝึกตามบริษัทหรือสถานประกอบการข้างนอกที่เกี่ยวข้องกับ marketing research เหมือนเพื่อนๆ เพราะรู้ข้อจำกัดของตัวเองในเรื่องของความสามารถทั้งทางด้านภาษาและความรู้ที่ได้จากชั้นเรียน อีกอย่างหนึ่งผู้เขียนคิดว่าฝึกงานใน campus กับเจ้าหน้าที่หรืออาจารย์ที่เราคุ้นเคยดีอยู่แล้ว น่าจะรู้สึกสบายใจมากกว่าที่ต้องไปทำความคุ้นเคยกับคนใหม่ๆ ข้างนอก
อย่างไรก็ตามผู้เขียนก็ได้ค่าตอบแทนจากการทำงานใน research department ใน campus เหมือนคนอื่นๆ โดยเขาจ่ายค่าตอบแทนจากการทำงานให้อาทิตย์ละครั้ง จำนวนเงินไม่ใช่น้อยเหมือนกัน มากพอที่จะไปเที่ยวแบบ macpacker ได้หลายรอบเชียวละ :) ประกอบกับช่วงนั้น Georgian รับโครงการทำ research ให้รัฐบาลท้องถิ่นของออนตาริโอ ชื่อโครงการ "Food for Thought" ก็เลยได้ประสบการณ์ในการร่วมทำโครงการวิจัยกับเขาด้วย
โครงการที่ว่าเป็นโครงการเกี่ยวข้องกับน้องผู้หิวโหยที่เป็นเด็กนักเรียนในพื้นที่เมือง Barrie ท่านเชื่อหรือไม่ว่าในแคนาดาก็มีน้องผู้หิวโหยเหมือนกัน ผู้เขียนมารู้เรื่องแบบนี้ก็เพราะได้เข้ามาทำงานวิจัยนี้ร่วมกับ college คงจะได้นำมาเล่าเรื่องนี้ในรายละเอียดในตอนถัดๆไป
อย่างไรก็ตามเมื่อท่านที่เป็นนักเรียนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ทำงานแล้ว ใช่ว่าท่านจะไ้ด้รับค่าตอบแทนจากการทำงานเลย ท่านต้องไปสมัครทำ SIN ก่อน SIN ที่ว่าย่อมาจาก Social Insurance Number เหมือนๆ กับว่าท่านต้องเข้าระบบประกันสังคม แล้วเงินค่าตอบแทนจากการทำงานเขาจะหักภาษีเข้า Social Insurance แล้วเราก็จะได้รับประโยชน์จาก Social Insurance เหมือนกับชาวแคนาดาทั่วไป
รูปร่างบัตร SIN ก็เป็นอย่างข้างล่างนี่แหละ
ตอนสมัยนั้นมีหน่วยงานที่ชื่อ Human Resources Development Canada เป็นหน่วยงานที่ออกบัตร SIN นี้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Service Canada แล้ว อย่างไรก็ตามก็ยังมีสถานะเป็นหน่วยงานของรัฐอยู่
The day I cried for my hometown. I feel heartache and have no words to touch upon my full feeling. Just wanna cry out lound for the doom that happened in the City that I was born and raised.
Jerry: "We live in a cynical world, a cynical, cynical world, and we work in a business of tough competitors. I love you. You complete me. And if I just had..."
Dorothy: "Shut up. Just shut up.....You had me at hello. You had me at hello."
ผู้เขียนนำคลิปหนังเรื่อง Jerry Maguire มาโพสท์ไว้ในตอนนี้เพียงเพราะความรู้สึกในตอนนี้เหมือนกับที่ Jerry พูดว่า เราอยู่ในโลกที่โหดร้าย เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี น่าเหนื่อยหน่ายใจ แต่ดูเหมือนว่าคำว่า "ความรัก" จะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถเติมเต็มความบกพร่องของจิตใจมนุษย์ "ความรัก" สามารถเป็นแสงสว่างส่องไปยังมุมมืดในใจคนได้ "ความรัก" ยังเป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถลดทอนความโหดร้ายของโลกใบนี้ได้
ในหนังเรื่องนี้ Jerry ได้เข้าถึงความรักที่ Dorothy ที่มีต่อเขา และเป็นสิ่งเติมเต็มความพร่องในจิตใจ
ถึงตรงนี้ผู้เขียนอยากจะบอกว่าหนังฝรั่งหลายๆ เรื่อง ได้ให้สาระและคำพูดดีดีให้คนดูได้มาฉุกคิด สำหรับเรื่อง Jerry Maguire ก็เป็นหนังเรื่องโปรดของผู้เขียนอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบดูซ้ำๆ หลายหน เพียงเพราะชอบ climax คำพูดของ Jerry ข้างบนนั้น key words คือ "cynical world" และ "you complete me" คำพูดสองคำนั้นกินใจจริงๆ
หันมาดูสถานการณ์บ้านเรา ก็คงเข้าข่าย cynical world สำหรับคนอย่างเราๆ ก็คงต้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองให้เข้าใจว่ามันเป็นไปตามแบบ cynical world เพราะมีสิ่งนั้น สิ่งนี้จึงเกิด ตอนนี้ที่เราๆ สามารถทำได้อย่างเดียวคือ "ให้ความรัก" "เติมความรัก" ให้กับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบใดก็ตามที ผลที่ตามมามันอาจจะทำให้โลกนี้ลดความโหดร้ายลงก็ได้
ในช่วงวันหยุดราชการในพื้นที่ กทม. ระหว่างนี้ขอแนะนำให้ดูหนังฝรั่ง sound on film ไปพลางๆ ฝึกฟัง พูดภาษาอังกฤษตามตัวละครในหนัง เผื่อว่าวันข้างหน้าต้องเป็นคนไทยทิ้งแผ่นดิน เพื่อไปอยู่แผ่นดินที่มีความ cynical น้อยกว่านี้จะได้ไม่ลำบากมากนัก
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน Long Live my beloved King. I'm pround to be Thai and Your Majesty's subject.
ประชาชนเฝ้ารับเสด็จในหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์จากศิริราชถึงพระบรมมหาราชวัง ในวันฉัตรมงคล ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ท่ามกลางพสกนิกรที่ถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" ตลอดเส้นทาง The King's Motorcade Route to the Royal Grand Palace to celebrate his 60th Annivasary of the Coranation Day on 5 May 2010. "Long Live the King" cheered by Thais.
ผู้เขียนไปถึงบอสตันในตอนเช้าตรู่ของวันที่ยี่สิบสามธันวาคมและอยู่ในเมืองนี้จนถึงวันที่ยี่สิบหก เมื่อแรกไปถึงไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของอเมริกา เพราะบรรยากาศเงียบมาก ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสดังนั้นร้านรวงต่างๆ จึงปิดทำการ แม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวในบางแห่ง แต่ยังไงก็ตามผู้เขียนก็ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่หนึ่งสมความตั้งใจของคนไทยที่รักในหลวงอย่างผู้เขียนนั่นก็คือ โรงพยาบาล Mount Auburn อันเป็นสถานที่พระราชสมภพของในหลวง ที่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์อันเป็นส่วนหนึ่งของ Greater Boston Area เพียงแต่ข้ามแม่น้ำ Charles จากบอสตันมาก็จะมาถึงยังเมือง Cambridge เมืองอันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกสองแห่งคือ Harvard และ MIT
Old Town ประกอบไปด้วยสองส่วนคือ Upper Town และ Lower Town โดยทั้งสองส่วนนี้มีบันไดยุคโบราณหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Breakneck Stairs สร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ไว้ใ้ช้สำหรับเชื่อม Upper Town และ Lower Town ไว้ด้วยกัน
ที่ Old Town แห่งนี้มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง อย่างเช่น Place-Royale ที่เป็นจัตุรัสหรือสแควร์อยู่ Lower Town ที่ Samuel de Champlain ผู้ก่อตั้งเมืองแห่งนี้มาถึงเป็นจุดแรก ในยุคก่อนจัตุรัสแห่งนี้ใช้ไว้สำหรับการแสดงของขบวนพาเหรด ต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นแหล่งค้าขายหรือ marketplace สำหรับในปัจจุบันจัตุรัสแห่งนี้เป็นสถานที่คนนิยมถ่ายรูปเพื่อนำไปจัดทำโปสการ์ด และนอกจากนั้นในอาคารแถบใกล้เคียงก็ใช้สำหรับจัดนิทรรศการแสดงความเป็นมาของ Place-Royale แห่งนี้
Video credit to WatchMojo Photos credit to http://www.societehistoriquedequebec.qc.ca/images/escalier_casse_cou.jpg http://www.funiculaire-quebec.com/en/PhotosFuniculaire.htm#thumb hhttp://www.bonjourquebec.com/qc-en/attractions-directory/museum-interpretation-centre-historic-site/musee-de-lamerique-francaise_1171481.htmlttp://leo.koppel.ca/geo/photos/placeroyale.jpg
Partial source of info.: http://wikitravel.org/en/Quebec_City