วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

เปิดลิ้นชักความทรงจำที่แคนาดา ตอนพิเศษ: รำลึกถึงผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ 9/11








ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์สะเทือนขวัญของชาวโลกรวมไปถึงความสะเทือนใจของญาติผู้สูญเสียในเหตุการณ์วินาศกรรมอาคารแฝด World Trade Center เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) เกิดขึ้นมาครบรอบ 8 ปี แล้ว วันนั้นจำได้ว่าตามเวลาที่เมืองไทยเป็นช่วงค่ำๆ ผู้เขียนกำลังดูโทรทัศน์กับพ่ออยู่ สักครู่รายการโทรทัศน์ปกติก็ตัดเข้ารายงานสถานการณ์ด่วน โดยรายการทุกช่องรายงานข่าวเดียวกันพร้อมกับมีภาพเหตุการณ์ประกอบ ผู้เขียนดูรายงานข่าวด่วนนั้นด้วยความตกตะลึงและคาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นจริง มันช่างเหมือนเรากำลังดูเหตุการณ์ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ภาพอาคารสูงที่สวยงามที่เป็นอาคารแฝด และเป็นแหล่งดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเที่ยวมหานครนิวยอร์ก กำลังถูกเครื่องบินพาณิชย์ลำหนึ่งบินพุ่งเข้าใส่ และอีกไม่กี่นาทีก็มีเครื่องบินอีกลำหนึ่งบินเข้าชนซ้ำ ทำให้อาคารที่ได้รับการขนามนามว่าเป็น landmark ของนครแห่งนี้พังถล่มลงมาพร้อมกับฝุ่นสีขาวที่ฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่ พร้อมๆ กับความสูญเสียชีวิตของผู้คนที่อยู่ในอาคาร ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง รวมไปทั้งชีวิตผู้บริสุทธิ์อีกไม่รู้กี่ร้อยคนในเครื่องบินสัญชาติอเมริกันสองลำนั้น และไม่นับรวมไปถึงทรัพย์สินที่เสียหายไปโดยไม่อาจประเมินค่าได้

ผู้เขียนมองเห็นภาพเหตุการณ์นั้นจากการรายงานข่าวโดยตลอด มันเหมือนมีก้อนอะไรแข็งๆ ติดอยู่ลำคอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ความรู้สึกที่มีอย่างเดียวคือความสะเทือนใจ และใจก็หวนรำลึกไปถึงเมี่อต้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) หรือก่อนหน้าเหตุการณ์โศกนาฎกรรมนี้หนึ่งปี นิวยอร์กในวันนั้นยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ และเป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับที่ดึงดูดผู้คนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้ไปเยือน แน่นอนที่สุดว่าในช่วงเวลานั้นมีผู้เขียนรวมอยู่ในจำนวนนักท่องเที่ยวเหล่านั้นด้วย โดยผู้เขียนมักใช้เวลาว่างจากการเรียน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงต้นหรือปลายๆสัปดาห์ เดินทางจากแคนาดาเข้าไปเที่ยวที่นิวยอร์กอยู่เนืองๆ เพราะการคมนาคมด้วยรถโดยสาร Greyhound สะดวกสบาย และระยะทางระหว่างโตรอนโตกับนิวยอร์กไม่ได้ไกลกันมาก และก็เป็นที่แน่นอนอีกเหมือนกันว่าผู้เขียนไม่มีวันพลาดที่จะไปเยี่ยมเยือน landmark ของนครแห่งนี้ก็คือ อาคารแฝด World Trade Center ตอนนั้นในอาคารแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเต็มไปหมด ผู้เขียนจำได้ว่าในช่วงเวลานั้นในอาคารแห่งนี้มีการแสดงรถยนต์ยี่ห้อหรูรุ่นใหม่ที่จัดแสดงสำหรับลูกค้าที่กระเป๋าหนัก และผู้สนใจทั่วไป โดยการจัดแสดงรถจัดอยู่ที่พื้นที่กลางแจ้งที่มีบริเวณกว้างขวางและเป็นพื้นที่อยู่ช่วงชั้นกลางๆ ของอาคาร โดยพื้นที่นี้ไว้ใช้เพื่อเป็นทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารแฝดหนึ่งและสอง ในวันนั้นผู้เขียนไม่ได้สนใจรถ แต่สนใจสถาปัตยกรรมและการตกแต่งอาคารแห่งนี้มากกว่า อาคารนี้จัดได้ว่าเป็นอาคารที่คนอเมริกันเชื่อมั่นว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยสูง และตัวอาคารมีความคงทนแข็งแรง สามารถทนทานต่อแรงระเบิดได้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า หากเกิดการก่อวินาศกรรมจากการวางระเบิด (ข้อมูลนี้ผู้เขียนได้มาจากการเดินตามไกด์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่กำลังอธิบายประวัติของอาคารแห่งนี้) แต่จะมีคนอเมริกันสักกี่คนที่จะคาดเดาถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้ว่า การก่อวินาศกรรมจะมาในรูปแบบอื่นที่ทำให้อาคารแห่งนี้ต้องมีจุดจบในสภาพแบบนี้

ภาพตัวผู้เขียนที่กำลังโลดแล่นไปในอาคารแฝดแห่งนี้ รวมไปถึงภาพความสวยงามและโอ่อ่าของอาคาร World Trade Center เมื่อมองมาจากเรือของนักท่องเที่ยวบนแม่น้ำฮัดสัน ที่ใช้โดยสารระหว่าง South Ferry และเกาะเอลลิส กับเกาะลิเบอร์ตี้ที่เป็นที่ตั้งของเทพีเสรีภาพ ภาพการ์ดรักษาความปลอดภัยที่มีความเข้มงวดตรวจสัมภาระของนักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปชมความสวยงามของอาคาร ภาพผู้คนที่ทำงานอยู่ในอาคารที่เดินขวักไขว่ที่เดินสวนไปมากับผู้เขียนยังติดตาผู้เขียนอยู่ไม่รู้เลือน พร้อมกับคำถามต่างๆ ที่วนเวียนอยู่ในหัวของผู้เขียน ในจำนวนผู้เสียชิวิตเหล่านั้นจะมีมากน้อยเพียงใดหนอที่เป็นคนที่ผู้เขียนเคยเดินสวนกับเขามาแล้ว หรือจะเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยของอาคารสักกี่คนที่ผู้เขียนเคยสนทนาโต้ตอบด้วย ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะสามารถเข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองได้โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้

ความนึกคิดของผู้เขียนสะดุดลงตรงนี้ เมื่อพ่อหันมาพูดกับผู้เขียนเบาๆ ว่า “นี่ โชคดีแค่ไหนแล้วเราน่ะ ถ้าเหตุการณ์นี้มันเกิดเร็วขึ้นไปหนึ่งปี ป่านนี้เราจะไปอยู่ที่ไหนแล้ว ฮึ”
“นั่นน่ะซิ ถ้ามันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ปีหนึ่งผู้เขียนจะไปอยู่ที่ไหนแล้ว” ผู้เขียนนึกถึงวันที่ 11 กันยายน 2543 วันนี้ของปีที่แล้ว ที่ตัวผู้เขียนเดินท่อมๆ อยู่ในนครใหญ่แห่งนี้
ผู้เขียนไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานอีกสักเท่าใด ที่ญาติๆ ของผู้เสียชีวิต รวมไปถึงชาวนิวยอร์กที่ประสบเหตุจะลืมเลือนเหตุการณ์นี้ไปได้ หรือไม่อาจลืมมันได้เลยจนชั่วชีวิต

RIP สำหรับทุกชีวิตที่สูญเสีย


9/11 video credit to youtube.com and Audio: Hands By Jewel Creator: Brian Bezalel (Skyracer90) and www.hymoo.com, NetworkLive

ไม่มีความคิดเห็น: