วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

จากลอนดอน...กว่าจะถึงปารีส

คราวที่แล้วเล่าค้างถึงตอนที่เรานั่งรถไฟยูโรสตาร์เพื่อเดินทางออกจากลอนดอนไปยังปารีส ซึ่งมีระยะทางห่างกันประมาณ ๔๙๕ กิโลเมตร โดยใช้เวลาเดินทาง ๒ ชั่วโมงกับอีก ๑๕ นาที นับว่าเป็นการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วมาก






แต่บางคนอาจยังไม่ทราบว่า กว่าที่การคมนาคมขนส่งโดยทางบกระหว่างเมืองหลวงสำคัญของยุโรปทั้งสองจะสะดวกและรวดเร็วได้เช่นปัจจุบันต้องผ่านช่วงเวลาและเหตุการณ์อะไรมาบ้าง

ด้วยความที่ทั้งสองประเทศมีพรมแดนธรรมชาติคั่นกลางที่เป็นทะเลน้ำตื้นและรู้จักกันดีในชื่อของช่องแคบอังกฤษหรือ English Channel ทำให้การเดินทางระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสในช่วงก่อนปี ค.ศ.๑๙๙๔ ต้องอาศัยเรือเฟอร์รีไม่ว่าจะเป็นเรือรับส่งผู้โดยสารหรือขนส่งสินค้าและเรือบรรทุกรถยนต์ระหว่างชายฝั่งของทั้งสองประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างยาวนานกว่าจะเดินทางถึงอีกฝั่งหนึ่งได้ ผู้นำของอังกฤษและฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้นคือนายกรัฐมนตรีหญิงเหล็กของอังกฤษมาการ์เร็ต แธชเชอร์และประธานาธิบดีฟรังซัวร์ มิตเตอร์รองได้ลงนามข้อสัญญาระหว่างกันภายใต้สนธิสัญญา "Treaty of Canterbury" ในปี ค.ศ. ๑๙๘๖ ที่ให้มีการก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้ทะเลเชื่อมการคมนาคมของทั้งสองประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อของ Channel Tunnel




(แผนที่นี้เป็นลิขสิทธิ์และจัดทำโดย NormanEinstein, December 15, 2005. ภายใต้ลิขสิทธิ์ Creative Commons Attribution-Share Alike 3.0 Unported license: แหล่งที่มา wikipedia)

แต่กว่าจะบรรลุข้อตกลงและออกมาเป็นสนธิสัญญาฉบับนี้ได้ ต้องผ่านอุปสรรคหลายอย่าง เช่น เสียงคัดค้านของประชาชนอังกฤษที่ไม่เห็นด้วยไม่ว่าจะเป็นความวิตกกับผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดในการดำรงอยู่ของอธิปไตยชาติ หรือ national sovereignty คนอังกฤษจำนวนหนึ่งมีความคิดว่าการที่ประเทศอังกฤษมีสภาพภูมิศาสตร์เป็นเกาะที่แยกออกมาจากยุโรปแผ่นดินใหญ่นั้นถือว่าเป็นข้อดีที่การคุกคามของภัยภายนอกไม่ว่าจะเป็นข้าศึกศัตรู การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของคนต่างชาติ การระบาดของโรคต่างๆ ไม่สามารถเข้ามาในอังกฤษได้โดยง่าย เพราะบทเรียนในประวัติศาสตร์เป็นสิ่งตอกย้ำให้ชาวอังกฤษมีความคิดเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำสงครามสมัยยุคนโปเลียนของฝรั่งเศส หรือสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ต้องต่อสู้กับ axis of evil อย่างฮิตเลอร์และกองทัพนาซี ผู้นำการทำสงครามอย่างสองคนที่กล่าวมานี้มีความพยายามอย่างมากที่จะใช้กองทหารเข้าโจมตีอังกฤษโดยใช้ช่องแคบอังกฤษเป็นเส้นทางผ่านเพื่อขึ้นเกาะอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮิตเลอร์และกองทัพนาซีที่ฮึกเหิมจากการเก็บสะสมชัยชนะที่มีต่อประเทศต่างๆ ทั่วในแถบยุโรป แต่ด้วยความที่บริเวณทะเลช่องแคบอังกฤษเป็นชัยภูมิที่ค่อนข้างดีต่อฝ่ายอังกฤษไม่ว่าจะเป็นกองทัพของนโปเลียนหรือกองทัพนาซีของฮิตเลอร์เองก็ตามไม่สามารถที่จะนำกองทหารฝ่าด่านชัยภูมินี้ได้ จึงต้องล้มเลิกความคิดที่จะใช้กองทัพทหารยาตราขึ้นเกาะอังกฤษ อย่างไรก็ตามทั้งสองคนนี้ก็มีความคิดที่จะสร้างเส้นทางเพื่อหาทางลอดทะเลช่องแคบอังกฤษ ดังนั้นจึงอาจพูดได้ว่าความคิดที่จะสร้างเส้นทางลอดทะเลช่องแคบอังกฤษมีมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งริเริ่มในยุคสมัยนี้

นอกจากจะต้องฝ่าด่านเสียงคัดค้านตามที่เล่าแล้ว ปัจจัยทางด้านการเงินก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากเพราะการก่อสร้างอุโมงค์ที่ว่าต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล กว่าที่จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากแหล่งต่างๆ ได้พร้อมพรั่ง โครงการต้องหยุดอยู่นานกว่าจะกลับมาเริ่มดำเนินการใหม่ภายใต้สนธิสัญญา Canterbury ที่ว่า

ในปี ค.ศ.๑๙๘๘ การขุดอุโมงค์เริ่มขึ้นพร้อมกันจากทั้งทางฝั่งฝรั่งเศสและฝั่งอังกฤษโดยคนงานและวิศวกรของทั้งสองประเทศ และการขุดอุโมงค์จากทั้งสองฝั่งประเทศมามาบรรจบกันระหว่างกลางอุโมงค์เมื่อปี ค.ศ.๑๙๙๐ จากนั้นการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์และเปิดใช้งานใีนปี ค.ศ.๑๙๙๔ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างเป็นเงิน ๔,๖๕๐ ล้านปอนด์ (คิดเป็นมูลค่าเงินในปีค.ศ.๑๙๘๕)ใช้คนงานก่อสร้างทั้งชาวฝรั่งเศสและอังกฤษประมาณ ๑๕,๐๐๐ คน



ปัจจุบันนอกจาก Channel Tunnel จะเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการเดินรถของยูโรสตาร์ระหว่างสามเมืองหลวงในยุโรปคือ ลอนดอน-ปารีส และลอนดอน-บรัสเซลล์ แล้ว ยังเป็นเส้นทางการคมนาคมระหว่างสองประเทศที่ให้บริการแก่รถยนต์ส่วนบุคคล มอเตอร์ไซค์ หรือแม้กระทั่งรถบรรทุกขนส่งสินค้าอีกด้วย

สำหรับกลุ่ม backpackers อย่างพวกเราถือว่าการเดินทางจากลอนดอนไปปารีสโดยผ่านเส้นทาง Channel Tunnel ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจครั้งหนึ่ง และค่าใช้จ่ายในการเดินทางเรียกได้ว่าสมเหตุสมผล เนื่องจากราคาค่าตั๋วเป็นอัตราต่ำสุดที่ยูโรสตาร์เสนอขายคืออยู่ที่คนละ ๓๙ ปอนด์ (เที่ยวเดียว) คิดเป็นเงินไทยตอนที่ซื้อประมาณ ๑,๙๐๐ บาท แต่การที่เราจะได้ราคาต่ำสุดเช่นนี้ต้องซื้อล่วงหน้าเป็นเวลาสามเดือนเลยทีเดียว เพราะถ้าหากเราไม่รีบซื้อล่วงหน้าราคาจะเขยิบสูงขึ้นทุกวัน ยิ่งถ้าใกล้วันเดินทางราคายิ่งแพงมาก แต่อย่างไรก็ตามตั๋วของเราไม่สามารถเปลี่ยนวันและเวลาเดินทางได้ และคืนก็ไม่ได้ จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างเดียวคือเปลี่ยนที่นั่ง เปลี่ยนตู้ โดยซื้อผ่านเว็บไซต์ของยูโรสตาร์

www.eurostar.com

นอกจากนั้นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับการซื้อตั๋วรถไฟ การเลือกที่นั่งและวิํธีการอื่นๆ สำหรับการใช้รถไฟในยุโรป สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์

www.seat61.com




Video credit to youtube by 24VSenator, erotyczneTsunami

ไม่มีความคิดเห็น: