วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อภิสิทธิ์ คุณนี่ไม่ไหวจะเคลียร์

จดหมายเปิดผนึกถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๒

กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ราชอาณาจักรไทย

ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป ที่เรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ ให้มีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมสำหรับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของชาติในเรื่องความมั่นคงทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ที่ต้องอาศัยการดำเนินงานที่ฉับไว การตัดสินใจที่แน่วแน่ และความเด็ดขาดของผู้นำ โดยวิกฤตสำคัญของชาติที่สำคัญและควรได้รับการจัดลำดับให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนได้แก่

๑. ปัญหาความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์ที่เป็นที่รักและเคารพของประชาชนที่ถูกบั่นทอน จาบจ้วงอย่างหนักจากกลุ่มผู้ประสงค์ร้ายภายใต้การนำของนักโทษชาย ในรูปแบบต่างๆ โดยล่าสุดคือการต้องการถวายฎีกาเพื่อขอล้มล้างความผิดทั้งมวลของนักโทษที่หนีคดีที่ยังมิได้สำนึกต่อความผิดของตนเอง หนำซ้ำยังเป็นตัวเร่งให้เกิดความแตกแยกในมวลหมู่ประชาชนชาวไทย

๒. ปัญหาความขัดแย้งในการครอบครองพื้นที่ที่เป็นแหล่งรวมทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ระหว่างไทยและกัมพูชา อันเนื่องมาจากการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งมีหลายฝ่ายเรียกร้องว่าการขอขึ้นทะเบียนครั้งนี้มีวาระซ่อนเร้น และเป็นการล่วงละเมิดอธิปไตยของประเทศไทยโดยได้รับความร่วมมือของคนไทยที่มีอำนาจเพื่อหวังต่อรองการได้รับผลประโยชน์จากการสัมปทานทรัพยากรธรรมชาติ และมีแนวโน้มที่จะสูญเสียอธิปไตยเพิ่มขึ้นในพื้นที่อื่นอีกมากในอนาคตอันใกล้

๓. ปัญหาความรุนแรงภาคใต้ ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน

๔. ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นโครงการของรัฐบาล และการบริหารงานที่ไร้ธรรมาภิบาลของหน่วยงานราชการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรตำรวจ

๕. ปัญหาเศรษฐกิจ

ตัวผู้เขียนจดหมายฉบับนี้เฝ้าติดตามการบริหารบ้านเมืองของ ฯพณฯ และผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาลมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และตัวผู้เขียนเองเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนและยินดีที่ ฯพณฯ ได้มีโอกาสเป็นผู้นำประเทศ โดยหวังไว้ลึกๆ ว่าบ้านเมืองอาจจะมีทิศทางไปในทางที่ดี เพราะเชื่อมั่นว่า ฯพณฯ เป็นคนหนุ่มการศึกษาดี มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และมีบุคลิกภาพที่สามารถนำเสนอเป็นภาพลักษณ์ที่ดีและมีสง่าราศีในสายตานานาชาติได้ ดังจะเห็นได้จากการเป็นประธานอาเซียน และการเข้าร่วมในฐานะผู้นำประเทศไทยในการประชุมอาเซียนในระดับต่างๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนช่วงสงกรานต์เดือดที่ผ่านมา ในสายตาของผู้เขียน และเชื่อว่าในสายตาของประชาชนชาวไทยทั่วไป ภาพลักษณ์ของ ฯพณฯ ยิ่งเปล่งประกายความเป็นผู้นำที่น่าชื่นชม ดังจะเห็นได้จากบทความของผู้เขียนที่เขียนให้กำลังใน ฯพณฯ ในเรื่องของ "ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม" ซึ่ง ณ ขณะนั้นกระแสความนิยมชมชอบในตัว ฯพณฯ สูงมาก และประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าหาก ฯพณฯ ตัดสินใจทำอะไรเพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติแก่ผู้กระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบุคคลที่ใส่เสื้อสีใดๆ ก็แล้วแต่ ฯพณฯ ท่านจะได้รับการชื่นชมและเป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างท่วมท้น

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เวลาผ่านไปเพียงแค่สามเดือนเศษ กระแสความนิยมเหล่านั้นลดลงอย่างน่าใจหาย ทั้งนี้หาก ฯพณฯ ไม่หลงติดยึดกับความเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป ลองกรุณาเปิดรับข้อมูลอีกด้านที่มิใช่กระแสจากแม่ยกของพรรคประชาธิปปัตย์ที่ชมชื่นต่อเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของ ฯพณฯ กระแสติติงต่อภาพลักษณ์ และคุณภาพการบริหารประเทศของท่านตามสื่อต่างๆ มีมิใช่น้อย และความคิดเห็นเหล่านั้นล้วนเป็นความเห็นจากกัลยณมิตรของท่าน ติติงท่านเพื่อขอให้ท่านปรับปรุงและแก้ไข

อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้รวมทั้งผู้เขียนเองยังมิได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมของท่านแต่อย่างใด หนำซ้ำในบางครั้งบางคราวท่านได้ใช้พรสวรรค์ที่ท่านมีมาตั้งแต่เกิด ในเรื่องของการใช้วาทะ สำนวนและโวหารที่เฉียบแหลม ที่ครั้งหนึ่งเป็นที่หลงไหลของผู้คนในประเทศนี้ สำหรับการตอบโต้คำติติงของกัลยาณมิตรเหล่านั้นไปในเชิงปฎิปักษ์ ซึ่งการกระทำเหล่านั้นได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้คนรวมทั้งตัวผู้เขียน ในตัว ฯพณฯ เป็นอันมาก และเกิดความไม่มั่นใจว่า ตัว ฯพณฯ นั้นจะสามารถใช้พรสวรรค์ที่ท่านมีอยู่อย่างเดียวคือ วาทกรรม นำพาประเทศนี้ให้อยู่รอดหรือไม่ เนื่องจากปัญหาเร่งด่วนของชาติสามสี่ประเด็นที่กล่าวมาข้างต้น ต้องการการลงมือปฏิบัติมิใช่ใช้วาทกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาไปวันต่อวัน

และแล้วความอดสูใจและจุด toleration (ขออนุญาตที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษเพราะคำนี้น่าจะสื่อสารและบอกถึงความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ได้ดีกว่าภาษาไทยที่อาจจะไม่สุภาพ แต่ศิษย์เก่า oxford อย่าง ฯพณฯ ไม่มีปัญหาในเรื่องการแปลความอยู่แล้ว) ของคนไทยส่วนใหญ่คงสิ้นสุด เมื่อมีข่าวของ ฯพณฯ ใช้เวลาของการบริหารบ้านเมืองเพื่อไปเป็นนายแบบให้กับนิตยสารรายปักษ์ฉบับหนึ่ง เพื่อการสิ่งใดมิสามารถจะทราบได้ แต่ที่เป็นที่แน่ใจว่า การถ่ายแบบนั้นมิได้สร้างคุณูปการแต่อย่างใดให้แก่บ้านเมือง แม้แต่คุณสุทธชัย หยุ่น ยังติติงการปฎิบัติตัวของ ฯพณฯ ดังที่กล่าว

/http://www.oknation.net/blog/black/2009/08/10/entry-1


การถ่ายแบบมิได้น่าติติงแต่ประการใดหาก ฯพณฯ เป็นเพียง นายอภิสิทธิ์ ที่มีความใฝ่ฝันเหมือนซูซาน บอยล์ ที่ต้องการเป็นดาวในแวดวงบันเทิงเมื่อมีอายุที่มากแล้ว แต่นี่ ฯพณฯ เป็น นาย ที่มี ก ไก่ ตามหลัง ดังนั้นจึงมีภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งที่ต้องทำเพื่อประเทศชาติ ภาระดังกล่าวมิได้มีใครบีบบังคับให้ท่านทำ เพราะท่านอาสาเข้ามาทำเอง ใช่หรือไม่ ลองนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ท่านได้รับพระบรมราชโองการฯ แต่งตั้งเป็นนายก ท่านได้ให้สัญญาประชาคมแก่คนไทยไว้ว่าอย่างไรบ้าง แล้วขณะนี้ท่านได้ทำตามที่ท่านเปล่งวาจาในวันนั้นแล้วหรือยัง

ที่จำเป็นต้องมาเขียนความอึดอัดใจใน blog ของตนเองในครั้งนี้ เพราะใน website ของ pm ที่เปิดใหม่ให้คุยกับนายก ไม่เปิดรับความเห็นในเชิงติติงต่อการดำเนินงานของนายก จึงต้องมาระบายความคับข้องใจในที่นี้

ขอเสนอข้อคิดเห็นต่อ ฯพณฯ ว่าหากท่านคิดและพิจารณาแล้วเห็นว่าศักยภาพและความตั้งใจของท่านยังมีไม่พอที่จะนำพาชาติบ้านเมืองให้พ้นจากปากหลุมของความเสื่อมได้ และเห็นว่ายิ่งแข็งขืนที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจะยิ่งเร่งให้เกิดความเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น ท่านควรจะประกาศลาออกจากการเป็นผู้นำของประเทศนี้ไปเสีย ซึ่งจะเกิดเหตุการณ์อะไรต่อไปแก่ชาติบ้านเมืองก็เป็นเรื่องของกาลข้างหน้าและเป็นหน้าที่ของประชาชนที่มีจิตสำนึกรักชาติบ้านเมือง และมีความกล้าหาญที่เขาจะต่อสู้กันเอาเอง เพราะถึงท่านอยู่ไปสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถือ

ประชาชนคนไทยคนหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น: