วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เปิดลิ้นชักความทรงจำที่แคนาดา (ตอน 2: My name is AKIKO)

“ตึง ตึง ตึง” เสียงอะไรน่ะ หรือเราหูแว่ว หรือว่าเป็นเสียงสะท้อนจากข้างนอกตึก ผู้เขียนพูดกับตัวเอง หลังจากตื่นขึ้นมาเพราะเสียงดังนั่นมาปลุก มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาพ้นขอบฟ้านิดๆ มีสีส้มเรื่อๆ
“อืม เช้าวันแรกที่แคนาดานี่ก็สวยงามน่าดูนะเนี่ย” ข้างนอกดูท่าจะอากาศดี

“ตึง ตึง ตึง” เสียงนั่นมาอีกแล้ว เสียงเหมือนฝีเท้าคนกำลังเดินขึ้นบันได คราวนี้หูไม่แว่วแน่ มันดังอยู่ในตึกนี่เอง ไหนผู้ชายสองคนนั่นบอกว่าไม่มีใครอยู่ไง เฮ้ย! หรือจะเป็น..... ไม่จริงอ่ะ ผีไม่มีในโลก แล้วเนี่ยตะวันขึ้นโด่เด่ยังเงี้ย ผีที่ไหนจะออกมา

เอาไงดี ตอนนี้ความกลัวผีไม่มีแล้ว เริ่มนึกถึงโจรผู้ร้ายมากกว่า นึกถึงหนังฝรั่งสยองขวัญประเภทฆาตรกรโรคจิตขึ้นมา มองรอบๆ ตัว หาข้าวของประเภทที่จะเป็นอาวุธป้องกันตัว ก็มองไม่เห็นอะไรไปมากกว่า โต๊ะ เตียง ตู้เสื้อผ้า ส่วนบนเตียงมีกระเป๋าเครื่องใช้ใบเล็กที่ผู้เขียนนำติดตัวมาด้วยวางเอาไว้ ข้างในก็เป็นประเภท แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แล้วก็เสื้อผ้าติดกระเป๋าชุดหนึ่งไว้ใส่ยามฉุกเฉินในกรณีที่กระเป๋าใหญ่เกิดหายไป จำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นคนแนะนำให้ทำแบบนี้ แต่แหม อยากจะขอบคุณจริงๆ เลย แม่นเหมือนตาเห็น ได้ใช้จริงๆ ถ้าไม่งั้นคงต้องใส่ชุดเน่าๆ นั่นต่ออีก 24 ชั่วโมงแน่

พอมองไปแล้วไม่เห็นอะไร ก็นึกใจเสียเหมือนกัน ตอนนี้เสียงเดินนั่นหยุดไปแล้ว ต่อมาก็มีเสียงเคาะที่ประตูใหญ่ด้านนอก ก่อนจะเล่าเรื่องต่อไป ขอเล่าลักษณะของ residence ให้ฟังก่อน เมื่อตอนที่แล้วเล่าให้ฟังว่า residence เป็นอาคารหกชั้นเรียงกันสามอาคาร แต่ละอาคารแยกส่วนออกจากกัน เรียก residence หนึ่ง สอง สาม แต่ละชั้นของอาคารแยกเป็นปีกซ้ายและขวา โดยแต่ละปีกจะมีประตูกั้นข้างนอกไว้ชั้นหนึ่งก่อน และข้างในนั้นจะแบ่งเป็นห้องพักจำนวนหกห้อง และห้องน้ำที่ใช้รวมกันสองห้อง ห้องครัวรวมอีกหนึ่งห้องที่มีอุปกรณ์เครื่องครัวทุกชนิด รวมทั้งทีวีไว้ให้ผู้ที่พักไว้ใช้ดูรวมกัน ดังนั้นใครที่ไม่ได้พักอยู่ในปีกนี้ก็จะเข้าประตูจากข้างนอกมาไม่ได้ เพราะเขาล็อคเอาไว้ชั้นนึงก่อน

ผู้เขียนเลยเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกมา เดินผ่านห้องครัว และห้องน้ำออกมาจนถึงประตูใหญ่ด้านนอก เสียงเคาะนั่นดังอยู่ข้างหน้านั่นเอง แสดงว่าคนข้างนอกนั่นรู้ว่าในนี้มีคนอยู่ถึงได้เคาะเรียก จะว่าเป็น Steve กับ Mac ก็ไม่น่าใช่ เพราะเขาบอกว่าถ้าจะให้มารับเมื่อไหร่ให้โทรบอก หรือไม่อีกอย่างเขาอาจจะมาสายๆ นั่นเลย

“Who’s it?” ผู้เขียนตัดสินใจตะโกนถามออกไป เพราะยังไงคนข้างนอกก็รู้ว่าในนี้มีคนอยู่ เผื่อว่าไอ้คนข้างนอกมันเป็นผู้ชายจะได้ดูทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน

“A….” คนข้างนอกตอบมาเสียงฟังไม่ชัดว่าพูดอะไร จับได้แต่ว่าเป็นเสียงเล็กๆ เอาละรู้เพิ่มมาอย่างนึงแล้วว่า คนข้างนอกเป็นผู้หญิง

“What? Who’s it?” ผู้เขียนตะโกนถามไปอีกครั้งหนึ่ง

“AKIKO, My name is AKIKO.”

ไม่มีความคิดเห็น: