วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

มา update blog

เป็นเวลามากกว่าเดือนแล้วที่ไม่ได้เข้ามา up blog ของตนเอง ด้วยสาเหตุสำคัญหลายๆ ประการ ที่สำคัญได้แก่ ตอนนี้กำลังยุ่งขิงเรื่องอ่าน journals ต่างๆ เพื่อประกอบการทำ thesis ของตัวเอง

และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหนึ่งเดียวที่เหลือที่เป็นต้นตระกูลไทยของผู้เขียนได้เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา คือท่านเป็นย่าของผู้เขียนเอง ดังนั้นครอบครัวเราต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดงานศพให้ท่านเพราะพ่อเป็นลูกชายคนโตและดูเหมือนว่าจะมีความพร้อมทางด้านปัจจัยมากกว่าใครเขา ผู้เขียนเลยต้องวิ่งรอกคอยรับ-ส่งบุพการีทั้งสอง ระหว่างกรุงเทพ-สระบุรี ที่เป็นบ้านของย่า จนกระทั่งเสร็จงาน พูดมาถึงตรงนี้แล้วก็รู้สึกโหวงในใจลึกๆ เหมือนกันถึงแม้ว่าจะทำใจมาก่อนหน้านี้มาแล้ว เพราะย่าเองก็อายุมาก ตั้ง 91 ปี และมีโรคประจำตัวอยู่พอสมควร แต่ก็รู้สึกใจหายเพราะตัวผู้เขียนเองเหลือท่านเพียงคนเดียวที่เป็นคนเก่าแก่และเป็นตัวเชื่อมให้เราได้รับรู้เรื่องราวในอดีตเมื่อสมัยท่านยังสาวๆ

ถ้าจะว่าไปแล้วผู้เขียนเองชอบคุยกับคนเฒ่าคนแก่เหมือนกัน เพราะชอบฟังเรื่องราวสมัยที่บ้านเรายังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวเขียวขจีในนา มีพันธุ์ปลาหลากหลายในแหล่งน้ำธรรมชาติ ได้รับรู้ว่าคนสมัยก่อนเขามีชีวิตความเป็นอยู่กันอย่างไร ครอบครัวของพ่อผู้เขียนนั้นดำรงอาชีพหลักของคนไทย นั่นก็คือกระดูกสันหลังของชาติ ผู้เขียนภูมิใจที่จะบอกว่าย่าของผู้เขียนนั้นเป็นชาวนา และสามารถเลี้ยงดูลูกๆ จำนวน 8 คน โดยลำพังได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเท่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะทำได้ เนื่องจากว่าปู่ของผู้เขียนได้เสียชีวิตเมื่อท่านยังเป็นสาวๆ และพ่อของผู้เขียนเองก็ยังเล็กอยู่มาก







ในวันฌาปนกิจศพท่านนั้น ผู้เขียนได้ไปส่งท่านเป็นครั้งสุดท้าย เห็นสภาพร่างกายและสีหน้าท่านยังเป็นปกติเหมือนคนนอนหลับ ก็ให้รู้สึกว่าท่านคงไปในที่ที่ดี เพราะตลอดช่วงชีวิตของท่าน ผู้เขียนไม่เคยเห็นท่านโกรธใคร นินทาว่าร้ายใคร จนแม่ของผู้เขียนออกปากว่าเป็นแม่สามีและลูกสะใภ้ที่ไม่เข้าคอนเซ็ปท์หนังไทยเอาซะเลย

พอเสร็จเรื่องของย่าแล้ว ก็ตั้งใจว่าจะมาทำงานของตัวเองต่อ โชคร้ายมาเยือนระหว่างหาข้อมูลทางเน็ต ปรากฏว่าโน๊ตบุ๊ตที่ใช้ทำงานเกิดติดมัลแวร์ หรือสปายแวร์ชื่อไอ้เจ้าม้าโทรจันเข้าซะอย่างจัง ตอนแรกยังไม่เชื่อนึกว่ามีการหลอกขายซอฟแวร์ เพราะตอนนี้มันมีอย่างนี้จริงๆ ที่พวกไม่หวังดีมีการแกล้งตัดการทำงานบางอย่างในคอมของเราผ่านเน็ต ทำให้เหมือนว่าคอมเราติดไวรัสอย่างหนัก และมันก็จะขึ้นคำถามว่าจะ activate ไหม ถ้าเราคลิกไป activate ก็จะให้เราซื้อซอฟแวร์ ดูไปก็เหมือนหลอก





แต่เท่าที่รู้เนี่ยมัลแวร์โทรจันเนี่ยค่อนข้างอันตรายในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลในคอม ไม่ว่าจะเป็น passwords ใน mail เรา หรือข้อมูลบัตรเครดิตที่เราเคยซื้อของผ่านเน็ต เพราะ hackers มันมีความสามารถสูงในเรื่องล้วงเอาข้อมูลเหล่านี้ สำหรับในกรณีของผู้เขียนมาแน่ใจตอนที่ หน้าจอโชว์ทั้ง local IP address และ remote IP address เพราะเจ้า local แน่นอนว่าเป็นของเรา แต่ remote IP address นั่นนะเป็นของผู้ไม่หวังดี โดยที่ผู้เขียนเจอขึ้น IP address ว่า 128.154.26.11 ซึ่งผู้เขียนไม่แน่ใจว่าเป็น IP หลอกหรือจริง เพราะคนพวกนี้เก่งในเรื่องทำอะไรลึกลับซับซ้อนอยู่แล้ว และผู้เขียนเองก็เคยใช้บัตรเครดิตซื้อ journals อ่านออนไลน์ เพราะเป็นช่องทางเดียวที่จะจ่ายเงินเขาได้ ทีนี้ก็อยู่ไม่สุขแล้ว เพราะกลัวโดน hack ข้อมูลบัตร

วันนั้นทั้งวันพยายามหาโปรแกรมมาสแกนและกำจัดเจ้าม้าจากเมืองทรอยตัวนี้ไม่ว่าจะเป็น nod 32 Trojan Remover Spyware Doctor หรือพวกที่ต้องใช้การกำจัดโดยเทคนิคระดับสูงขึ้นไป ใน regedit ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ

วันรุ่งขึ้นเลยต้องไปพันธุ์ทิพย์ที่ประตูน้ำ ทั้งๆ ที่ไม่อยากไปที่แบบนี้เลย เพราะเรื่องไข้หวัดระบาดเนี่ยแหละ พอไปถึงก็รีบซื้อของที่ต้องการและรีบกลับบ้าน มาเทถุงดูกันสักหน่อยว่าผู้เขียนได้อะไรมาจากพันธุ์ทิพย์บ้าง หลักๆ ก็มีโปรแกรมของแท้ของ Windows XP Service Pack 2 และโปรแกรม Microsoft Office และโปรแกรมเสริมอื่นๆ

ผู้เขียนตัดสินใจว่าจะ format เครื่องใหม่หมดทุกไดร์ฟ เพื่อเป็นการล้างเจ้าม้านั่นออกไป ถ้าจะว่าไปผู้เขียนไม่จำเป็นต้องซื้อแผ่น XP มาใหม่ก็ได้ ถ้าหากโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่สามารถให้เราใช้แผ่นกู้ระบบได้ แต่เผอิญว่ายี่ห้อนี้ไม่เปิดโอกาสให้เราสำรองแผ่น เลยต้องเสียเงินซื้อใหม่

มาถึงตอนนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว โน๊ตบุ๊คกลับมาทำงานได้ตามปกติเหมือนเครื่องใหม่ มานั่งนึกดูอีกทีถ้าเราคิดในเชิงบวก การได้นั่งทำอะไรแบบนี้ที่ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญหรือคุ้นเคยของเรา อย่างพวกเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เนี่ย ก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ให้เราได้มีความรู้เพิ่มเติม มาถึงตรงนี้แล้วผู้เขียนก็ชักชอบที่จะนั่งแกะ นั่งแงะพวกของใช้ไฮเทคแบบนี้ขึ้นมาซะแล้ว ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะเปลี่ยนสายงานเป็นเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์แทนเจ้าหน้าที่วิเทศก็ได้ ใครจะไปรู้ 555

เจอกันตอนหน้าในเปิดลิ้นชักความทรงจำที่แคนาดา

ขอบคุณภาพจาก thaimtb.com, siamensis.org, thaiclinic.com,arstechnica.com

2 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

อ่านเพลินเลย แม็ค...เอาอีกๆ
เพื่อน ญ.31 เองจร้า

mac กล่าวว่า...

โห เพื่อนหญิง ขอบคุณมากที่อุตส่าห์ติดตาม เขินเลยเรา