วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เปิดลิ้นชักความทรงจำที่แคนาดา ตอน 12: MACKPACKER (5)


ACT I
PROLOGUE

Two households, both alike in dignity,
In fair Verona, where we lay our scene,
From ancient grudge break to new mutiny,
Where civil blood makes civil hands unclean....

ROMEO
[To JULIET] "If I profane with my unworthiest hand
This holy shrine, the gentle fine is this:
My lips, two blushing pilgrims, ready stand
To smooth that rough touch with a tender kiss.

JULIET
Good pilgrim, you do wrong your hand too much,
Which mannerly devotion shows in this;
For saints have hands that pilgrims' hands do touch,
And palm to palm is holy palmers'kiss.

...." (End of Act I)

เมื่อแรกที่ผู้เขียนมาถึงควิเบกซิตี้ สภาพภูมิศาสตร์ อาคารบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างของควิเบกซิตี้ทำให้อดคิดถึงบรรยากาศและบทสนทนาของตัวละครในบทละครอมตะเรื่อง Romeo & Juliet ของ William Shakespear ตามที่กล่าวมาข้างบนไม่ได้ ทั้งนี้เนื่องจากทั้งเหตุการณ์ที่ Shakespear ประพันธ์บทละครเรื่อง Romeo & Juliet และการก่อตั้งเมืองควิเบกซิตี้เป็นระยะเวลาร่วมยุคสมัยเดียวกัน โดยบทละครเรื่อง Romeo & Juliet มีหลักฐานเชื่อกันว่า Shakespear ประพันธ์บทละครเรื่องนี้ก่อนหน้าที่จะนำมาเผยแพร่ครั้งแรกเื่มื่อปี ค.ศ. 1597 ไม่นานนัก ในขณะที่ Samuel de Champlain ที่เป็นนักสำรวจชาวฝรั่งเศสได้ก่อตั้งเมืองควิเบกเมื่อปี ค.ศ. 1608 และจากการที่ทั้งคู่เป็นชาวยุโรปร่วมสมัยเดียวกัน ดังนั้นแนวคิดการสร้างบ้านแปงเมืองของ de Champlain และการสร้าง prop บทละครของ Shakespear ย่อมจะมีความคิด ความเชื่อตามยุคสมัยนั้น มาเหมือนๆ กัน

สำหรับตัวผู้เขียนนั้นชื่นชอบบทประพันธ์ของ Shakespear มาอยู่ก่อนแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าได้รับอิทธิพลจากเมื่อสมัยเรียนปริญญาตรีที่ต้องเรียนวรรณคดีอังกฤษ โดยอาจารย์ได้นำภาพยนต์เรื่อง Romeo & Juliet เวอร์ชันปี ค.ศ. 1968 ตามคลิปข้างบนที่ Leonard Whiting เล่นเป็น Romeo Montague และ Olivia Hussey เล่นเป็น Juliet Capulet มาฉายให้ดู ซึ่งผู้เขียนต้องขอบอกว่าชื่นชอบกับภาพยนต์เวอร์ชันนี้มากๆ เพราะคิดว่าภาพยนต์เวอร์ชันนี้มีความคลาสสิกค่อนข้างมากในเรื่องการนำเสนอ ตัวผู้แสดง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงประกอบภาพยนต์ที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักคือเพลง "A Time for Us" โดย "A Time for Us" นี้เป็นเพลงประกอบภาพยนต์อีกเวอร์ชันหนึ่งที่มีการปรับเปลี่ยนเนื้อร้องของเพลงต้นฉบับที่ชื่อ "What Is a Youth" ซึ่งต่อมามีนักร้องโอเปร่านำไปร้องกันอย่างแพร่หลาย

สำหรับผู้ที่มีความชื่นชอบภาษาอังกฤษ รวมไปถึงชอบอ่านหนังสือบทละคร บทกวีโดยใช้ศัพท์แสงโบร่ำโบราณของนักประพันธ์ยุคเก่าๆ ที่เขาเรียกว่า playwrights ร่วมยุคเดียวกับ Shakespear อย่างเช่น Christopher Marlowe ถ้าได้ชมภาพยนต์ชุดนี้คิดว่าน่าจะชอบเหมือนกัน

อารัมภบทมาเสียยืดยาวถึงตรงนี้ก็เพียงแต่จะเล่าว่าควิเบกซิตี้มีบรรยากาศและที่มาคล้ายคลึงกับบรยากาศในบทละครของ Shakespear ก็เท่านั้นเอง ผู้เขียนใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงในการเดินทางจากมอนทรีอัลมายังสถานีรถโดยสารของควิเบกซิตี้ เมื่อมาถึงก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นซึ่งพระอาทิตย์ตกและท้องฟ้าก็มืดไปแล้วในช่วงเวลาหน้าหนาวเช่นนี้

การเดินทางมายังควิเบกซิตี้มีความสะดวกมาก ไม่ว่าจะเป็นทางเครื่องบินถึงแม้ว่าเส้นทางบินจะครอบคลุมแค่ไม่กี่เมืองในแคนาดาและอเมริกา เช่น มอนทรีอัล โตรอนโต ออตตาวา นิวยอร์ก ชิคาโก ดีทรอยด์ รวมไปถึงมีเส้นทางบินไปปารีสด้วย แต่ก็ยังนับว่า Jean Lesage International Airport ที่ควิเบกซิตี้เป็นทางเลือกสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินทางโดยเครื่องบิน

อีกเส้นทางหนึ่งที่นำท่านมาสู่ควิเบกซิตี้ได้ก็คือรถไฟ เส้นทางการเดินรถไฟของแคนาดานั้นค่อนข้างครอบคลุมในหลายๆ เมืองที่สำคัญตั้งแต่ฝั่งตะวันออกไปจนถึงฝั่งตะวันตก ด้วยความที่แคนาดามีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล มีคนเคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าหากว่าต้องการเดินทางจากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตกของแคนาดาโดยทางรถไฟ หรือ VIA Rail Canada ต้องใช้เวลาถึงสามวันเต็มๆ จึงจะเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง





อีกเส้นทางหนึ่งที่สะดวกที่สุดก็คือเดินทางรถโดยสารแบบเดียวกันกับผู้เขียนในตอนนี้ ด้วยความเหนื่อยจากการนั่งรถประกอบกับขี้เกียจศึกษาเส้นทางเดินของรถเมล์เพราะที่นี่ไม่มีรถไฟใต้ดินเหมือนเมืองใหญ่ๆ อย่างมอนทรีอัล ผู้เขียนจึงเรียกรถแท๊กซี่เพื่อให้พาไปส่งที่ Auberge Internationale de Quebec (HI International Hostel of Quebec)

hostelling ที่ควิเบกซิตี้นี้ ผู้เขียนค่อนข้างถูกใจมากกว่าทุกๆ ที่ที่เคยไปพัก เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่บริการแก่ผู้เข้าพักหลายอย่าง โดยเฉพาะครัวที่ใหญ่กว่าทุกที่ และมีตู้เย็นที่เราสามารถซื้อของสดมาเก็บไว้ได้ ดังนั้นผู้เขียนจึงทำกับข้าวกินเองระหว่างท่องเที่ยวที่นี่ เพราะนอกจากจะประหยัดเงินแล้วรสชาติอาหารไทยที่เราทำกินเองย่อมถูกใจเราด้วย ลืมเล่าไปว่าเครื่องปรุง กะปิ น้ำปลาของบ้านเราหาได้ไม่ยากในแคนาดา ไม่ว่าเมืองนั้นจะเป็นเมืองเล็ก เมืองน้อยแค่ไหน จะมีหรือไม่มี China Town นั่นไม่ใช่ปัญหาของคนไทยที่อยากหาเครื่องปรุงแบบบ้านเรา เพราะตาม Supermarket มีเครื่องปรุงจากเอเชียขายแทบทั้งนั้น ข้าวสารจากประเทศไทยยังมีขายเลย ลองสำรวจบรรยากาศของ hostelling เสียหน่อยตามคลิปข้างล่างโดยผู้นำทัวร์คนเดิมที่เคยพาไปดูบรรยากาศ hostelling ที่ออตตาวามาแล้ว





ควิเบกซิตี้เป็นเมืองที่น่าสนใจและน่าท่องเที่ยวรวมทั้งมีประวัติความเป็นมาอันเก่าแก่ สมควรที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในรายละเอียดในตอนหน้า เนื่องจากผู้เขียนคิดว่ายังมีคนไทยจำนวนมากที่มองข้ามเมืองทีี่มีเสน่ห์แห่งนี้ไป เพราะเห็นเวลาใครเดินทางมาทวีปนี้ทีไร มักจะนิยมท่องเที่ยวเฉพาะเมืองท่องเที่ยวในอเมริกา หรือบางคนถ้ามีโอกาสผนวกแคนาดาเข้าไปด้วยก็มักจะจอดป้ายที่แวนคูเวอร์หรือไม่ก็โตรอนโต ซึ่งน่าเสียดายมากที่มองข้ามเมืองอย่างควิเบกซิตี้แห่งนี้ไป



video credit to youtube by pianous, Mattis 10000

Photos crdit to: http://www.viarail.ca/en/trains/

Ref: Play Script by W. Shakespear at http://www.william-shakespeare.info/act1-script-text-romeo-and-juliet.htm

ไม่มีความคิดเห็น: