วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กว่าจะถึงบ้านเรา...Great Portland Street




เรามาถึงฮีทโธรว์ในวันที่ ๒๖ มีนาคม เมื่อเวลาประมาณเกือบเจ็ดโมงเช้า โดยขั้นตอนของการตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่เราคิด เจ้าหน้าที่ ตม.ของอังกฤษแทบจะไม่ถามอะไรเลย เพียงแต่ให้เราผ่านขั้นตอน biometric หรือการเก็บลายนิ้วมือ หรือการสแกนม่านตา ตามที่เราให้ตัวอย่างไว้ตั้งแต่ตอนที่ไปขอวีซ่า แค่นั้นก็ผ่านฉลุย รวมไปถึงการผ่านช่องเขียวของศุลกากรแบบไม่มีสิ่งของต้องสำแดงด้วย

เราออกมาตั้งหลักตรงโถงผู้โดยสารขาเข้าของอาคาร ๔ อยู่พักหนึ่งโดยมองหาป้ายบอกทางลงไปสถานี underground เพื่อต่อรถไฟใต้ดินสาย Picadilly Line เข้าไปในตัวเมืองลอนดอน ซึ่งขอชมว่าที่นี่ป้ายบอกทิศทางทำได้ชัดเจนมาก รับรองว่าไม่มีทางหลง

และด้วยความที่พี่บางคนในกลุ่มเป็นโรคเทเลโฟนลิซึ่ม ซึ่งก็รวมทั้งตัวผู้เขียนด้วย ดังนั้นก่อนที่จะลงไปต่อ underground ที่สถานีตั้งอยู่ชั้นล่างของสนามบิน สายตาอันแหลมคมของพี่คนหนึ่งในกลุ่มก็ไปเห็นตู้ขายซิมโทรศัพท์อัตโนมัติ ซึ่งบรรจุไปด้วยแพ็จเกจซิมของหลายๆ ค่ายในอังกฤษ





เท่านั้นเองในเวลาอันไม่นานกลุ่มเราก็มายืนอยู่หน้าตู้ขายซิมอัตโนมัตินั้น ปรึกษาหารือกันอยู่นาน (ซื้อน่ะซื้อแน่ แต่ไม่รู้จะซื้อค่ายไหน โปรโมชันอะไรยังไง)ท้ายสุดก็มาได้ข้อสรุปว่าจะซื้อซิมของ Lebara Mobile ซึ่งเป็นซิมเจ้าเดียวกันกับที่ผู้เขียนซื้อไว้ใช้ระหว่างที่ต้องไปทำงานในสวิส โดยซิมที่ว่าใช้ได้ในหลายประเทศในยุโรป รวมทั้งที่สวิสด้วย (อย่าได้คิดว่าผู้เขียนได้ค่าโฆษณาจากสินค้าชนิดนี้ เพียงแต่เห็นว่าใช้ดี อัตราค่าโทรกลับมาเมืองไทยถูกสุดๆ ก็เลยนำมาเล่าให้ฟัง)ก็เป็นอันว่ามีหนูทดลองจำนวนสามคนได้ซื้อ Lebara Mobile ไปตามคำแนะนำของผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนก็เข้าใจว่าแพ็กเกจซิมประเภท prepaid ราคา ๑๐ ปอนด์ที่กำลังจะซื้อเหมือนกับของตัวเองที่ซื้อในสวิสที่ซิมมาพร้อมกับ top up หรือจำนวนเวลาที่เราสามารถโทรออกได้ตามจำนวนเงินที่เราจ่าย

หลังจากหนูทดลองสามคนอันประกอบด้วย พี่จุ๋ม พี่โป่ง พี่ริน (สำหรับผู้เขียนไม่ได้ซื้อเพราะใช้ของเก่าที่ยังมีเงินเหลืออยู่ และพี่ๆ อีกสี่คนก็ไม่ได้ซื้อ) ได้ซิมสมความประสงค์แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำตามขั้นตอนในคู่มือเพื่อเปิดใช้ซิม ใส่ซิมก็แล้ว กดโทรตามหมายเลขที่บอกก็แล้ว ทำยังไง๊ยังไงก็ยังเปิดใช้ไม่ได้สักที หันรีหันขวางกันอยู่หน้าตู้ขายซิมนั่นอยู่นานพอควรแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ก็เลยตกลงกันว่าเดินทางออกจากที่สนามบินก่อนก็แล้วกันแล้วค่อยไปจัดการเจ้าซิมนี่ทีหลัง

ช่วงที่รอผู้เขียนซื้อบัตรหอย หรือ Oyster Card ที่สถานี underground พี่ๆ ที่เหลือก็สำรวจบริเวณนั้นไปรอบๆ ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ มีร้านขายบุหรี่และของจิปาถะอยู่ร้านเดียว ก็ให้เผอิญว่าร้านนี้มีซิมโทรศัพท์ขายเสียด้วย และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาพี่โป่งก็เลยถือโอกาสไปถามวิธีการเปิดใช้ซิมกับเจ้าของร้าน หลังจากซักไซ้ไล่เรียงกันโดยละเอียดแล้ว เราก็ได้พบว่า ง งู มาก่อน ฉ ฉิ่ง จริงๆ หรือถ้าแปลให้เข้าใจโดยสุภาพก็คือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ย่อมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนความรู้เท่าถึงการณ์จริงๆ เพราะเจ้าของร้านที่ว่าเขาบอกกับพี่โป่งว่า ไม่มีใครเขาไปซื้อซิมกับตู้พวกนี้หรอกเพราะแพงกว่าซื้อตามร้านขายบุหรี่ สำหรับราคาที่พวกเราจ่ายไปนั้นถ้าไปซื้อตามร้านขายบุหรี่จะได้ทั้งซิมและ top up

และเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เราได้ข้อสรุปว่าไอ้เจ้าตู้ขายของอัตโนมัตินี้เริ่มตั้งตนเป็นศัตรูกับเรานับตั้งแต่ก้าวแรกที่เราเดินทางมาถึงเลยเชียว เพราะว่าอีกหลายวันถัดจากนี้เจ้าตู้ขายของอัตโนมัติหรือ vending machine ก็ประกาศศักดาเหนือคนอย่างเราๆ
อีกจนได้ จะเป็นเหตุการณ์อะำไรคอยติดตามอ่านต่อไป

หลังจาก enlighten เรื่องการซื้อซิมแล้วก็ได้เวลาออกจากสถานี underground ของ terminal 4 เสียที พวกเรานั่ง Picadilly Line ที่จะไปสุดสายที่สถานี Cockfosters





พอสิ้นเสียงประกาศของ Picadilly Line เท่านั้นแหละ ฝรั่งต่างถิ่นที่ไม่ใช่ลอนดอนเนอร์จะหัวเราะกันคิกคัก แหมช่างคิดลึกกันจริงๆ ก็แค่ชื่อสถานที่เท่านั้นเอง ก็คงเหมือนสถานี BTS บ้านเราน่ะแหละ พอถึงสถานีเพลินจิตที่สะกดว่า Ploenchit ฝรั่งที่ชอบคิดมากต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันไปตามๆ กัน

จาก Picadilly Line เราต้องมาต่อ Hammersmith & City Line ที่สถานี Hammersmith เพื่อมาลงที่สถานี Great Portland Street และเดินลงไปทางทิศใต้ประมาณสามร้อยเมตรเห็นจะได้ ก็มาถึงบ้านพักชั่วคราวของเราที่ลอนดอนคือ YHA London Central ที่ตั้งอยู่บริเวณ Great Portland Street









การเดินทางมา YHA London Central สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงได้ทั้งที่สถานี Great Portland Street หรือที่สถานี Oxford Circus ก็ได้ แต่ระยะทางจากสถานี Great Portland Street จะใกล้กว่า แต่อย่างไรก็ตามทีนี่ก็มีข้อด้อยกว่าที่สถานี Oxford Circus คือไม่มีลิฟท์ พวกเราเลยต้องออกกำลังด้วยการแบกกระเป๋าเดินทางเดินขึ้นบันไดเอง กว่าจะถึงข้างบนก็เหนื่อยเอาการ





Photos credit to: http://www.vendpoint.co.uk/communities/7/004/007/458/257/images/4529829359_160x220.jpg


Video credit to: youtube by etherealsl, hostelworld

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เอ๊...แล้วผู้เขียนหน้าตาเป็นอย่างไรน๊า ....

แต่ก็อย่าลืมว่า ตู้หยอดกาแฟ ไม่เคยทรยศ อร่อยอย่างไรก็อร่อยอย่างนั้น..

mac กล่าวว่า...

น่านนะสิ ลืมไปได้ไงตู้ขายกาแฟ จริงไม๊พี่อ้อย :)