วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

คุยคั่นเวลา (ฤ เรานี้อยู่ในกลียุค)

ทำไปทำมา รู้สึกว่าการเขียน blog นี้สนุกกว่าเขียนเรื่องในสมุดไดอารี่ที่สมัยเด็กๆ ชอบเขียน เพียงแต่ว่า blog ไม่สามารถเขียนอะไรที่เป็นส่วนตั๊ว ส่วนตัวได้ เช่น วันนี้ยิ้มให้คนที่เราชอบกี่ครั้ง แล้วคนที่เราชอบเขายิ้มตอบเรากี่ครั้งอะไรเงี้ย



แต่ว่าการเขียน blog น่าจะดูเป็นประโยชน์โภชผลมากกว่า เพราะเราจะเขียนเรื่องที่มีสาระ และแง่มุมที่มีประโยชน์สำหรับตนเองและคนอ่านด้วย นอกเหนือจากการเล่าเรื่องเที่ยวลาวที่ใกล้จะเล่าจบแล้วนั้น ผู้เขียนเห็นว่าน่าจะคุยเรื่องอะไรที่มีสาระ ความรู้ และเป็นเรื่องที่คนอย่างเราเรา ควรต้องติดตามเพื่อไม่ให้ตกข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่ส่งผลได้เสียต่อเราโดยตรง

มาถึงวันนี้วันที่ 2 พฤษภาคม 2552 โลกทั้งใบกำลังตื่นตระหนก หวาดกลัว กับไวรัสตัวใหม่ล่าสุด "H1N1" หรือบางทีก็เรียก "A(H1N1)" หรือชื่อจริงแบบยาวยาวคือ "Influenza A virus subtype H1N1"

เอาเหอะจะชื่ออะไรก็ตามแต่ แต่ไอ้เจ้าไวรัสนี้มันคร่าชีวิตคนไปแล้วจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแดนดินถิ่นเริ่มต้นการแพร่กระจายของเจ้าไวรัสตัวนี้คือที่ เม็กซิโก ไวรัสตัวนี้เริ่มแพร่กระจายเมื่อประมาณเดือนมีนาคม จากนั้นก็ได้แพร่ไปยังสหรัฐอเมริกาในหลายๆ รัฐ และก็แพร่ครอบคลุมทั้งทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งหมายรวมถึงประเทศแคนาดาด้วย (ในบางส่วนของมณฑลบริติชโคลัมเบีย)

และ ณ ขณะนี้วันที่ 2 พฤษภาคม องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีการ updated ข้อมูลความเคลื่อนไหวของสถานการณ์เกือบทุกชั่วโมง โดยล่าสุดพาหะคือคนเนี่ยแหละได้แพร่เชื้อเจ้าไวรัวตัวนี้ไปหลายประเทศในยุโรปและเอเชียของเราแล้ว คือฮ่องกงและเกาหลีใต้ คาดว่าประเทศไทยไม่น่าจะรอดพ้นจากการมาเยือนของเจ้าไวรัสชนิดนี้ไปได้



ฉะนั้นเรามาเตรียมพร้อมกันแต่เนิ่นๆ เลยดีกว่า จากเว็บไซด์ของ WHO แนะนำเรื่องการเตรียมรับมือกับเจ้าไวรัสร้ายด้วยการ เตรียมผ้าสำหรับปิดปากปิดจมูกเมื่อเราคิดว่าอยู่ในบริเวณที่มีการแพร่กระจายของเชื้อโรค เช่น ในโรงพยาบาล หรือในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือเวลาเราต้องสัมผัสกับคนป่วย


ต่อไปก็คือให้เราหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้คนป่วยโดยเฉพาะคนที่เป็นไข้และมีอาการไอ ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดและล้างบ่อยๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่เป็นประโยชน์ และทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์


ที่นี้ถ้าเกิดในกรณีที่เราเกิดอาการไข้ ไอ เจ็บคอ เขาบอกว่าให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน ไม่งั้นท่านจะกลายเป็นพาหะไปได้ พยายามดื่มน้ำเยอะๆ ใช้ผ้าปิดปากและจมูกเมื่อมีอาการไอหรือจาม ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หลังจากการไอและจาม และก็บอกคนในครอบครัวให้ทราบว่าเราป่วยเป็นไข้ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ส่งหมอได้ทัน

ไม่รู้ว่าเราจะเจอโรคอะไรแปลกๆ อีกนะเนี่ย ผู้เขียนรู้สึกว่าเราอาศัยอยู่ในช่วงกลียุคอย่างคนโบราณท่านว่าไว้ซะแล้วละ โดยคัมภีร์ฮินดูได้บอกลักษณะของโลกกลียุคไว้สามอย่าง คือ ลักษณะของผู้ปกครอง จะเป็นประเภทเหลวไหลไม่มีเหตุผล ไม่ส่งเสริมทางด้านจิตวิญญาณ (คงจะเป็นแบบจิตที่คิดดีมั้ง อันนี้ตีความเอาเอง)ก็ลองดูแล้วกันไอ้พวก ส.ส. ในสภาบ้านเราที่ทำหน้าที่ปกครองมีพฤติกรรมอย่างที่เขาว่าไม๊

อันที่สองคือ เรื่องความสัมพันธ์ของผู้คน คือเรื่องความโลภและความโกรธแค้นจะเป็นเรื่องธรรมดา และผู้คนจะแสดงความเกลียดชังต่อผู้อื่นอย่างเปิดเผย (พฤติกรรมเสื้อแดง ใช่เลย)

อย่างสุดท้ายสภาพอากาศและธรรมชาติแปรปรวน (น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว ฝนตกหน้าร้อน หิมะตกในตะวันออกกลาง อย่างนี้ใช่ยัง)



เฮ้อ ก็ลองคิดดูแล้วกันว่าเราจะอยู่ในโลกกลียุคนี้อย่างไร แต่สำหรับผู้เขียนคิดว่าเราใช้ชีวิตตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดี ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เท่าที่เราจะทำได้ และที่สำคัญให้ยึดมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนของศาสนาที่เรานับถือ นั่นก็เป็นภูมิคุ้มกันพอแล้วสำหรับเราแล้ว เพราะฉะนั้นหากอะไรร้ายๆ ที่อาจเกิดกับเราก็ต้องพยายามละวางให้ได้ ถึงยังไงคนเราก็มีจุดสิ้นสุดคือความตายด้วยกันทั้งนั้น

แต่ยังไงตอนนี้ขอไปกินยาทามิลฟลูก่อนนะ รู้สึกเจ็บคอแล้ว

(ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจากเว็บไซต์ WHO และ วิกีพีเดีย รวมทั้งภาพจาก oknation, health.allrefer.com, www.cmupark.com, pistolpete.wordpress.com)

ไม่มีความคิดเห็น: